วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

Bon voyage : อุทยานแห่งชาติ เอราวัณ


Voyage - VieTrio

คลับ music-is-life : Voyage - VieTrio



ปิดเทอมแล้ว ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเรียนหลายๆคนคงจะเตรียมตัวไปเที่ยวกันแล้วสินะคะ เพื่อนๆของคนเขียนเค้าก็ไปหัวหินกัน แต่คนเขียนไม่ได้มีโอกาสไปไหนหรอก เพราะไม่มีตังค์...จริงๆแล้วค่าเทอมยังไม่ได้จ่ายเลย...(ฮา) แต่วันนี้คนเขียนขอมาเล่าถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่คนเขียนชอบสักหน่อย นั่นก็คือ "อุทยานแห่งชาติเอราวัณ" หรือ น้ำตกเอราวัณ ที่หลายๆคนรู้จักนั่นเอง 555+



น้ำตกเอราวัณ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ

อุทยานแห่งชาติเอราวัณ มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอเมือง อำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี น้ำตกเอราวัณ เป็นน้ำ ตกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศด้วยอาณาเขตอันกว้างขวาง ประกอบไปด้วยภูเขาสูง หน้าผา น้ำตกเอราวัณ และน้ำตกอื่น ๆ ถ้ำ และทิวทัศน์ที่งดงามตามธรรม ชาติ ทั้งการคมนาคมที่สะดวก จึงทำให้อุทยานฯ เอราวัณ เป็นที่นิยมของ นักท่องเที่ยวเป็นอันมาก โดยมีเนื้อที่ประมาณ 550 ตารางกิโลเมตร หรือ 343,750 ไร่



ประวัติความเป็นมา
สมัย ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีได้มีมติการประชุมเมื่อ วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2502 ให้กระ ทรวงเกษตร (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในปัจจุบัน) ดำเนินการจัดตั้ง ป่าเทือกเขาสลอบ ท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี และป่าอื่นๆ ในท้องที่จังหวัด ต่าง ๆ รวม 14 ป่า ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ไป ดำเนินการสำรวจหาข้อมูลเบื้องต้น ตั้งแต่ พ.ศ. 2504 - 2515 โดยใช้บริเวณ น้ำตกเอราวัณ เป็นศูนย์กลางการสำรวจ พบว่าบริเวณป่าเทือกเขาสลอบ จัง หวัดกาญจนบุรี มีธรรมชาติที่สวยงามเป็นพิเศษและมีทรัพยากรธรรมชาติ ที่อุดมสมบูรณ์ ตามรายงานผลการสำรวจอุทยานแห่งชาติเขาสลอบ ลงวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2516 ของนายวิจารณ์ สาระนาค นักวิชาการป่าไม้โท แต่ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตหวงห้ามที่ดินตามพระราชกฤษฎีกากำหนด เขตหวงห้ามที่ดิน ในท้องที่อำเภอเมือง อำเภอวังขนาย อำเภอบ้านทวน และอำเภอวังกะ จังหวัดกาญจนบุรี ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 55 ลงวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ.2481 โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและ กระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่รักษาการให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาดัง กล่าว กรมป่าไม้จึงรายงานให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แจ้งให้กระ ทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย ตามหนังสือ ที่ กษ 0705/20251 และ 20252 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ.2515 ขอเพิกถอนพื้นที่เขตหวง ห้ามที่ดินบางส่วนที่เป็นป่าเทือกเขาสลอบ เพื่อเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 6/2517 เมื่อ วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2517 เห็นชอบให้ดำเนินการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ ได้ และให้ใช้ชื่อว่า “ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ” ตามความนิยมและคุ้นเคย ของประชาชนที่รู้จัก น้ำตกเอราวัณ เป็นอย่างดี กระทรวงกลาโหมแจ้งไม่ขัด ข้อง ตามหนังสือกระทรวงกลาโหม ที่ กห.0318/23505 ลงวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2517 และกระทรวงมหาดไทยไม่ขัดข้อง กรมป่าไม้จึงได้ดำเนินการ ขอเพิกถอนที่ดินหวงห้ามบริเวณดังกล่าว โดยมีพระราชกฤษฎีกาเพิกถอน ที่ดินหวงห้ามดังกล่าวลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ.2518 และได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาสลอบ ใน ท้องที่ตำบลไทรโยค ตำบลท่าเสา ตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค ตำบลหนอง เป็ด ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ และตำบลช่องสะเดา อำเภอเมือง จัง หวัดกาญจนบุรี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติในปี พ.ศ. 2518 ซึ่งประกาศไว้ใน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 92 ตอนที่ 114 ลงวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ.2518 นับ เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งที่ 11 ของประเทศ

จุดเด่นที่น่าสนใจ
น้ำตกเอราวัณ เป็นลักษณะน้ำตกที่มีระยะทางยาวประมาณ 1,500 เมตร ติดต่อกันซึ่งแบ่งออกเป็นชั้น ๆ ได้ 7 ชั้นด้วยกัน แต่ละ ชั้นมีความสวยงามร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ทั้งเถาวัลย์พันเกี่ยว ทอดตัวไปบนต้นไม้ใหญ่ กล้วยไม้ป่าหลายชนิดบนคาคบไม้ สายธาร น้ำที่ไหลตกลดหลั้นลงมาบนโขดหินสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง เสี่ยงสาดซ่า คลอเคล้าด้วยส่งเสียงเรียกของนกป่า ทำให้สภาพความเป็นธรรมชาติ สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น นับเป็นบรรยากาศที่เรียกเอาความมีคุณค่าของป่า เขาลำเนาไพรซึบซับเข้าสู่อารมณ์ผู้ใฝ่หาความสันโดษ และรักธรรม ชาติโดยแท้จริง ในชั้นที่ 7 อันเป็นชึ้นบนสุดของน้ำตก เมื่อมีน้ำตก ไหลบ่าจะมีรูปคล้ายหัวช้างเอราวัณ จนคนทั่วไปรู้จักและขนานนามว่า “ น้ำตกเอราวัณ ”

น้ำตกผาลั่น เป็นน้ำตกชั้นเดียวจะมีน้ำเฉพาะในฤดูฝนเท่านั้น

ถ้ำพระธาตุ เป็นถ้ำมืดที่สวยงาม มีหินงอกหินย้อยสวยงามมาก อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 790 เมตร อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยาน แห่งชาติประมาณ 12 กิโลเมตร



ลักษณะภูมิประเทศ
อุทยานแห่งชาติเอราวัณ มีลักษณะพื้นที่เป็นภูเขาสูงชันอยู่ สูงจากระดับน้ำทะเล ตั้งแต่ 165 - 996 เมตร สลับกับพื้นที่ราบโดย ภูเขาส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาหินปูน (Lime Stone) ในแถบตะวัน ออกของพื้นที่จะยกตัวสูงขึ้นเป็นแนว โดยเฉพาะบริเวณใกล้น้ำ ตกเอราวัณจะมีลักษณะเป็นหน้าผา ในพื้นที่ซีกตะวันออกนี้จะมี ลำห้วยที่สำคัญคือ ห้วยม่องไล่ และห้วยอมตะลา ซึ่งไหลมาบรร จบกันกลายมาเป็น น้ำตกเอราวัณ ทางตอนเหนือของพื้นที่จะพบ ห้วยสะแดะและห้วยหนองมน โดยห้วยสะแดะจะระบายน้ำลงสู่ เขื่อนศรีนครินทร์ ส่วนห้วยหนองมนจะไหลไปรวมกับห้วยไทร โยค ก่อให้เกิดน้ำตกไทรโยคส่วนทางทิศใต้เป็นต้นกำเนิดของลำ ห้วยหลายสาย เช่น ลำห้วยเขาพัง เป็นต้น ก่อให้เกิดน้ำตกที่สวย งาม ซึ่งเรียกว่า น้ำตกเขาพัง หรือน้ำตกไทรโยคน้อย

ลักษณะภูมิอากาศ
สภาพภูมิอากาศของ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ แบ่งออกเป็น 3 ฤดู คือ
1. ฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม
2. ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม
3. ฤดูร้อน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน
แต่ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตก เฉียงใต้ และตะวันออกเฉียงเหนือช่วยพัดพาให้เกิดฝน แต่เนื่องจาก พื้นที่อยู่ในเขตเงาฝน จึงมีปริมาณฝนตกไม่มากนัก และอากาศค่อน ข้างร้อน จากลักษณะอากาศดังกล่าว จึงไม่เป็นปัญหาต่อการเที่ยวชม อุทยานแห่งชาติเอราวัณ สามารถไปเที่ยวได้ทุกฤดู

พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
สภาพป่าที่น้ำตกเอราวัณ ส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณ ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ที่ สำคัญ ได้แก่ มะค่าโมงตะเคียนทอง ประดู่ กว้าว มะกอก ตะแบก ฯลฯ นอกนั้นเป็นป่าเต็งรัง มีพันธุ์ไม้ คือ เต็ง รัง เหียง พลวงพยอม มะค่า แต้ เป็นต้น
สัตว์ป่าประกอบด้วยสัตว์นานาชนิด ได้แก่ นกแว่น นกกระแต แต้เว๊ด ไก่ฟ้าพญาลอ นกกระปูด นกกางเขนดง นกสาริกา นกขุนทอง ชะนี กวาง อีเก้ง ไก่ป่า หมูป่า กระต่ายป่า กระรอกบิน เสือ เป็นต้น

การเดินทาง
การเดินทางไป น้ำตกเอราวัณ สามารถใช้เส้นทางได้ 2 ทาง คือ
1. เริ่มต้นจากตัวจังหวัดกาญจนบุรี ไปตามทางหลวงแผ่นดิน หมาย เลข 323 ถึงเขตการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเขื่อนศรีนครินทร์ ข้ามสะพานไปยังตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ แล้วจึงเลยเข้าไปยังที่ทำการ อุทยานฯ ระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 66 กิโลเมตร ถึง น้ำตกเอราวัณ
2. ถ้าเดินทางมาจากอุทยานแห่งชาติไทรโยค จะมีเส้นทางบริเวณ บ้านวังใหญ่อยู่ตอนใต้ของน้ำตกไทรโยคน้อยประมาณ 6 กิโลเมตร ลัด ออกไปบ้านโป่งปัดบริเวณเขื่อนท่าทุ่งนาระยะทางประมาณ 19 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนหมายเลข 323 อีกประมาณ 30 กิโลเมตร ก็จะ ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ






2 จุดนี้คนเขียนเคยไปมาแล้วเจ้าค่ะ

จำได้ว่าตอนที่ไปนั้น กว่าจะถึงเล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน เพราะกว่าจะถึงน้ำตกนั้น ต้องเดินขึ้นไปอีกนะคะ แต่ไปแล้วก็สวยมากค่ะ สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ออกไปไหนอย่างคนเขียน อิอิ นี่ขนาดเดินออกมาทำข้อสอบ Natda(ที่ยังไม่ได้เต็มสักที)ที่ Lotus ใกล้บ้านแค่นี้ ก็โดนแม่ด่าล่ะ ทั้งที่ๆเคยออกมาก็แค่ 3 ครั้ง (กลับไปโดนด่าอีกเรา...TTTT^TTTT)

กลับมาเข้าเรื่องดีกว่า...ตอนนั้นก็ไปกับครอบครัว น้าและลูกพี่ลูกน้องของแม่ สนุกดีค่ะ

สุดท้ายนี้ ไหนๆก็เขียนเรื่องการเดินทางทั้งที ก็ขอนำเสนอ เพลงใหม่ของ VieTrio นะคะ (นั่น...ขายของอีกแล้ว ไม่รู้จะรักอะไรนักหนา แหม..ทำไงได้หลงรักเฮียเป้ เจ๊ป่าน พี่ปุย ไปแล้วอ่ะ 555+) ชื่อเพลง Voyage ค่ะ เพลงที่ คนเขียนตั้งใจเอาไว้บนสุดนั่นล่ะค่ะ อิอิ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น