วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

โตโยต้า คลาสสิกส์ 2010 ดนตรีดีๆ ไม่ต้องปีนกระได



ช่วงเวลาของ “โตโยต้า คลาสสิกส์” กิจกรรมการแสดงดนตรีคลาสสิก สำหรับมิตรรักแฟนเพลงย่านเอเชีย และเอเชียอาคเนย์ ของผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่

ในปีนี้ ชื่อของวงดนตรีที่ร่วมโครงการ คือ วงดุริยางค์แห่งนครฟลอเรนซ์ (The Orchestra Citta di Firenze) สามารถเรียกความสนใจได้แต่แรกเห็น วงนี้เป็นวงระดับ “เชมเบอร์ ออร์เคสตรา” ที่มาจากการรวมตัวของนักดนตรียอดฝีมือในอิตาลี โดยมี โบเรียนา นาเควา เป็นหัวหน้าวง , ลอเร็นโซ คัสตรีโอนา สคันเดอร์เบก เป็นวาทยกร และ เลโอนาร์โด เมลานี เป็นนักร้องเสียงเทเนอร์

กำหนดการแสดงมีขึ้นระหว่างวันที่ 23 ตุลาคม จนถึง 12 พฤศจิกายน ศกนี้ ใน 8 ประเทศ ประกอบด้วย มาเลเซีย, เวียดนาม, บรูไน, ไทย, เกาหลี, ไต้หวัน, ฟิลิปปินส์ และ อินเดีย ตามลำดับ

สำหรับรอบปฐมทัศน์ที่มีขึ้น ณ หอแสดงคอนเสิร์ต Dewan Filharmonik Petronas ประเทศมาเลเซียนั้น มีสื่อมวลชนไทยถึง 14 สำนัก เดินทางไปชมการแสดงอุ่นเครื่อง พร้อมกันนั้นยังมีโอกาสได้ชมการฝึกซ้อมของวงกับศิลปินรับเชิญ ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ สำหรับการแสดงที่จะมีขึ้นในเมืองไทย รวมถึงการสัมภาษณ์วาทยกร หัวหน้าวง และนักร้องเสียงเทเนอร์ ไฮไลท์สำคัญของงานอีกด้วย

กล่าวได้ว่า บรรยากาศตั้งแต่ชมการฝึกซ้อม การสนทนาพูดคุยในช่วงบ่าย จนถึงการแสดงคอนเสิร์ตรอบปฐมทัศน์ในช่วงค่ำ ดำเนินไปอย่างสมบูรณ์แบบ

เริ่มจากสื่อมวลชนไทยได้ประจักษ์ถึงความโอ่โถงและความพร้อมของสถานที่แสดงดนตรีอย่าง Dewan Filharmonik Petronas (สร้างโดย เปโตรนาส บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของมาเลเซีย) ที่มีสภาพอะคูสติคอย่างดี เพราะออกแบบสำหรับการแสดงคอนเสิร์ตคลาสสิกโดยเฉพาะ ซึ่งทำให้อดเปรียบเทียบกับประเทศไทยไม่ได้

น่าเสียดายที่ ปตท. บ้านเรา ให้ความใส่ใจกับงานสนับสนุนศิลปวัฒนธรรมด้านดนตรีที่ยั่งยืนน้อยไปสักนิด ไม่อย่างนั้น แวดวงเพลงคลาสสิกบ้านเราคงได้เคลื่อนไหวอย่างสง่างามและมีพลวัตในทางสร้างสรรค์มากกว่านี้

ในช่วงของการซ้อม ระหว่างวงกับนักร้องรับเชิญ ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ ถือได้ว่าเป็นการพบกันครั้งแรก หลังจากที่มีการเตรียมการมาก่อนหน้านี้แล้ว คือการส่งเพลงของอ๊อฟ ปองศักดิ์ จำนวน 2 เพลง ไปให้วงเพื่อเรียบเรียงขึ้นใหม่ สำหรับการบรรเลงโดยวงเชมเบอร์ ออร์เคสตรา

ณ หอแสดงดนตรี “เดวัน ฟิลฮาร์มอนิก” บ่ายวันนั้น อ๊อฟ ปองศักด์ ร้องนำ โดยมีวงดุริยางค์แห่งนครฟลอเรนซ์ บรรเลงตามสกอร์ที่เรียบเรียงไว้ ในลักษณะ accompaniment ซึ่งให้สุ้มเสียงไพเราะและแตกต่างไปจากเพลงต้นฉบับอยู่บ้าง อย่างไรก็ดี ถือเป็นเกียรติยศของศิลปินไทยที่นานๆ ครั้งจะมีโอกาสได้ร้องกับวงคุณภาพสูงจากยุโรปเช่นนี้

คุณภาพของนักดนตรีที่ว่า วัดจากการซ้อมเพียง 1 ครั้งก็นับว่าเพียงพอแล้ว สำหรับการทำงานของมืออาชีพ !

สำหรับไอเดียในการนำ ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ นักร้องป๊อปซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในบ้านเรามาทำงานร่วมกับวงออร์เคสตราจากยุโรปนั้น ทาง “โตโยต้า คลาสสิกส์” ขยายความว่า เพราะต้องการให้เกิดการผสมผสานสีสันใหม่ๆ ในการนำนักดนตรีท้องถิ่นต่างแนวทาง มาร่วมงานกับวงออร์เคสตรา ดังที่เคยมี โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ หรือ เบน ชลาทิศ ทำมาก่อนหน้านี้แล้ว

เมื่อถึงช่วงค่ำ คอนเสิร์ตของวงดุริยางค์แห่งนครฟลอเรนซ์ เริ่มต้นด้วย La Gazza Ladra Sinfonia ของ รอสสินี นักประพันธ์ดนตรีชาวอิตาลี สมกับแนวทางของวงที่มุ่งเผยแพร่เพลงคลาสสิกของอิตาลีเป็นหลัก

จากนั้น โปรแกรมการแสดงจะสลับระหว่างเพลงบรรเลง กับเพลงร้องจากเสียงเทเนอร์ของ เลโอนาร์โด เมลานี เป็นระยะๆ หากเปรียบเป็นมื้ออาหาร ทุกอย่างที่คัดสรรมานั้น ก็เป็นเสมือน “ของว่าง” แม้จะไม่ใช่ “เมน คอร์ส” แต่ก็ฟังสบาย อิ่มสบายท้อง ไม่หนักจนเกินไปสำหรับคนฟังที่ไม่คุ้นเคย ดังที่เพื่อนร่วมคณะท่านหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า

”ดูจากโปรแกรมแล้ว เป็นเหมือนวีคเอนด์คอนเสิร์ตเสียมากกว่า”

ในส่วนเพลงบรรเลง เป็นเพลงสั้นๆ จำพวกโอเวอร์เจอร์ เช่น The Marriage of Figaro ของโมสาร์ท หรือพรีลูดจาก La Traviata ของ แวร์ดี หรือเพลงนำที่ตัดมาจากโอเปร่าที่มีสีสันของนักประพันธ์ดนตรีที่มีชื่อเสียง โดยวาทยกรมีท่วงท่าในการร่ายไม้บาตองอย่างน่าติดตาม

ส่วนเพลงร้องก็เช่นกัน เลโอนาร์โด เมลานี สามารถถ่ายทอดเสียงร้องอย่างทรงพลัง ด้วยบุคลิกภาพเนี๊ยบ ทุกจังหวะความเคลื่อนไหวช่างหมดจดงดงาม ทั้งเพลงรัก เพลงเศร้า เพลงที่สะท้อนภาพความงดงามของสถานที่อย่าง Granada แต่งโดย ลารา หรือเพลงที่ถั่งท้นด้วยกระแสอารมณ์ อย่าง Tu Che M’Hai Pres oil Cuor จากละครเรื่อง Das Land des Lachelns ของ เลฮาร์ นักประพันธ์ดนตรีชาวฮังกาเรียน ซึ่งได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมที่แสดงออกถึงความชื่นชอบอย่างเห็นได้ชัด

หลังจบรายการแสดง ผู้ชมทั้งฮอลล์พร้อมใจกันเรียกร้อง “อังกอร์” อย่างต่อเนื่อง จนวงดุริยางค์แห่งนครฟลอเรนซ์ ต้องบรรเลงเพลงฮิตแถมท้ายให้อีก 2 เพลง ผ่านเสียงร้องอันแสนไพเราะของ เมลานี นั่นคือ Nessun dorma ของ พุชชินี และ O sole mio เพลงร้องในเทรดิชั่นแบบนาโปลี ของ คาปัว จึงจะถือได้ว่า เต็มอิ่มในที่สุด

ดนตรีคลาสสิกดูจะเป็นยาขมสำหรับผู้คนทั่วไป ทว่า “โตโยต้า คลาสสิกส์ 2010” เปิดโลกให้แฟนคลาสสิกหน้าใหม่ค้นพบว่า ดนตรีดีๆ ไม่จำเป็นต้องปีนกระไดแต่อย่างใด และนั่นสะท้อนกลับมายังมุมมองของนักดนตรีกลุ่มนี้ที่ให้สัมภาษณ์ในวันปฐมทัศน์ว่า

ถึงที่สุดแล้ว ดนตรีเป็นเรื่องของประสบการณ์

ปัญหาย้อนกลับมายังคนฟังเองว่า พร้อมหรือยังที่จะเปิดรับประสบการณ์ดีๆ ให้แก่ตัวเอง

...............................................................

หมายเหตุ : คอนเสิร์ตการกุศล โตโยต้า คลาสสิกส์ ครั้งที่ 20 ประเทศไทย ได้จัดขึ้นเมื่อค่ำวันพุธที่ 3 พฤศจิกายน เวลา 19.00 น.โดยผู้จัดกำหนดมอบเงินรายได้ 2 ล้านบาทให้แก่สภากาชาดไทย



ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/movie-music/20101103/360604/โตโยต้า-คลาสสิกส์-2010-ดนตรีดีๆ-ไม่ต้องปีนกระได.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น